The Great Train Robbery : การปล้นรถไฟสุดมันส์ของแก๊งโจรตัวแสบ และ ความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย
หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์สำหรับชมในช่วงวันหยุดยาวนี้ เราขอแนะนำภาพยนตร์เงียบขนาดสั้น “The Great Train Robbery” (1903) ผลงานของผู้กำกับวิลเลียม ดี. พอร์เตอร์ ผลงานชิ้นนี้ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลและได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการภาพยนตร์
ไม่ใช่แค่เรื่องราวการปล้นรถไฟสุดระทึกขวัญเท่านั้น แต่ “The Great Train Robbery” ยังถือเป็นภาพยนตร์ยุคแรกๆ ที่ใช้เทคนิคการตัดต่อ และการนำเสนอฉากต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งส่งผลต่อเทคนิคการสร้างภาพยนตร์ในเวลาต่อมา
พล็อตเรื่องที่น่าติดตาม
“The Great Train Robbery” เป็นภาพยนตร์ขนาดสั้นราว 12 นาที ที่เล่าถึงเรื่องราวของแก๊งโจรนำโดยหัวหน้าโจร “Montana” (แสดงโดย Fred J. Balshofer) และการวางแผนปล้นรถไฟ
ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยฉากชีวิตประจำวันของผู้คนบนสถานีรถไฟ ก่อนที่จะตัดมาฉากแก๊งโจรร่วมกันวางแผนปล้นรถไฟ โดยใช้เทคนิคการตัดต่อที่ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นไปกับการเตรียมตัวของพวกเขา
หลังจากนั้น ภาพยนตร์ก็ดำเนินเรื่องด้วยความรวดเร็ว และเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นอย่างการโจมตีรถไฟ การยิงปืน การปล้นทรัพย์ และการไล่ล่า
เทคนิคการถ่ายทำที่ล้ำหน้า
แม้จะเป็นภาพยนตร์เงียบและมีระยะเวลาสั้น แต่ “The Great Train Robbery” ก็โดดเด่นด้วยเทคนิคการถ่ายทำที่ล้ำหน้าในยุคนั้น
ผู้กำกับวิลเลียม ดี. พอร์เตอร์ ได้ใช้เทคนิคการตัดต่ออย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างความตื่นเต้น และนำเสนอเรื่องราวได้อย่างมีพลวัต
นอกจากนี้ “The Great Train Robbery” ยังเป็นภาพยนตร์หนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ใช้เทคนิค “Parallel Editing” หรือ การตัดต่อแบบขนานกัน
วิธีการนี้ช่วยให้ผู้ชมเห็นเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น การไล่ล่าของโจรและความพยายามในการสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ ทำให้ภาพยนตร์มีความน่าติดตามยิ่งขึ้น
ตัวละครที่น่าสนใจ
“The Great Train Robbery” มีตัวละครหลักไม่มากนัก แต่แต่ละตัวก็มีบทบาทสำคัญ
-
Montana: หัวหน้าโจร เป็นชายหนุ่มร่างบึกบึนและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
-
The Express Messenger: ตัวแทนของผู้โดยสาร และเป็นตัวแทนของความยุติธรรมในภาพยนตร์
-
Engineer and Fireman: เป็นตัวละครที่โดดเด่นด้วยการแสดงสีหน้าและท่าทางที่ชัดเจน แม้จะเป็นภาพยนตร์เงียบก็ตาม
ทำไม “The Great Train Robbery” ยังคงเป็นภาพยนตร์คลาสสิก?
“The Great Train Robbery” ถือเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความบันเทิงได้อย่างไม่รู้ลืม และยังมีอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์อย่างมาก ด้วยเหตุผลดังนี้:
- การนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ: การปล้นรถไฟสุดระทึกขวัญ เป็นพล็อตที่ดึงดูดใจผู้ชมมาตั้งแต่สมัยก่อน
- เทคนิคการถ่ายทำที่ล้ำหน้า: การตัดต่อแบบขนานกัน และเทคนิคอื่นๆ ที่ผู้กำกับนำมาใช้ ทำให้ภาพยนตร์มีชีวิตชีวา และน่าติดตาม
- ความสำเร็จเชิงพาณิชย์: ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในสมัยนั้น และได้รับการฉายซ้ำหลายครั้ง
“The Great Train Robbery” จึงเป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่ควรค่าแก่การชม
ตารางเทคนิคการถ่ายทำที่โดดเด่นใน “The Great Train Robbery”
เทคนิค | วัตถุประสงค์ |
---|---|
Parallel Editing | สร้างความตื่นเต้น และนำเสนอเหตุการณ์หลายอย่างพร้อมกัน |
Close-up shot | เน้นสีหน้าและท่าทางของตัวละคร |
Establishing Shot | แสดงสถานที่และบริบทของเรื่องราว |
สรุป
“The Great Train Robbery” (1903) เป็นภาพยนตร์เงียบขนาดสั้นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์
แม้จะเป็นภาพยนตร์เก่า แต่ “The Great Train Robbery” ก็ยังคงให้ความบันเทิงและสามารถดึงดูดใจผู้ชมทุกยุคสมัย ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าติดตาม เทคนิคการถ่ายทำที่ล้ำหน้า และตัวละครที่น่าสนใจ
หากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของภาพยนตร์ หรืออยากจะย้อนอดีตไปสำรวจรากเหง้าของวงการภาพยนตร์ “The Great Train Robbery” คือตัวเลือกที่ควรค่าแก่การชมอย่างยิ่ง